หากเรานึกถึงโครงการ การช่วยเหลือของทางภาครัฐอะไรสักอย่างที่ประชาชนคนไทยรู้สึกว่าได้ประโยชน์ เข้าถึงง่าย และเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนทุกภาคส่วน โครงการนั้นคงหนีไม่พ้นโครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งในวันนี้ โครงการ “คนละครึ่ง” ได้เข้าสู่เฟสที่ 3 หรือ ครั้งที่ 3 ที่รัฐบาลนำออกมาใช้เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทย ซึ่งถึงจะเป็นโครงการที่สามารถพูดได้ว่าเป็นโครงการช่วยเหลือโครงการหนึ่งที่ดี และตอบโจทย์การช่วยเหลือได้จริง แต่ก็คงไม่มีใครหวังที่จะให้มีโครงการนี้ในครั้งที่ 4 เพราะโครงการการช่วยเหลือนั้น ย่อมมาจากความเดือดร้อนของประชาชน
ในวันนี้ เราจะมาพูดถึงโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 3 พร้อมทั้งแนะแนววิธีใช้คนละครึ่งยังไงให้รอดพ้นจากวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 ระลอกที่ 4 นี้ได้ และโครงการคนครึ่งเฟสที่ 3 ช่วยเหลือประชาชนได้จริงหรือ?
ก่อนที่เราจะไปเช็ควิธีการใช้โครงการคนละครึ่ง เรามาทำความรู้จักกับโครงการ “คนละครึ่ง” กันก่อนดีกว่า เพื่อใครที่เพิ่งเคยได้รับสิทธิในการใช้โครงการ “คนละครึ่ง” เป็นครั้งแรก
โครงการ “คนละครึ่ง” เป็นโครงการที่รัฐบาล สนับสนุนเงินใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นจำนวนเงิน 150 บาท แต่ในการที่เราจะนำเงิน 150 บาทนั้นมาใช้ เราจะต้องเติมเงินเข้าไปในระบบเป็นจำนวนเงิน 150 บาท ก่อนถึงจะใช้สิทธิโครงการได้ และโครงการ “คนละครึ่ง” ก็สามารถใช้ได้เฉพาะกับร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” เพียงเท่านั้น ไม่สามารถใช้ในการใช้จ่ายกับร้านค้าอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมได้
สำหรับการใช้สิทธิของโครงการ “คนละครึ่ง” นั้นก็ทำได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณมีโทรศัพท์มือถือ ที่จะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น และโทรศัพท์มือถือ จะต้องทำการซื้อแพ็คเก็จอินเทอร์เน็ตเพื่อเปิดใช้งานการชำระเงินกับโครงการ “คนละครึ่ง” ผ่านระบบออนไลน์ใน Application “เป๋าตัง” นั้นเอง
ส่วนวิธีการใช้งานนั้น ให้เราเข้าในก่อนว่า ต่อ 1 วันเราจะสามารถใช้เงินในโครงการ “คนละครึ่ง” ได้เพียงแค่ 150 บาทเท่านั้น ซึ่งเราจะต้องทำการเติมเงินเข้าไปใน Application “เป๋าตัง” จำนวน 150 บาทเท่ากัน และในการใช้แต่ละครั้งนั้น จะเป็นการใช้งานตามชื่อของโครงการเลยนั้นก็คือ รัฐ ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายของประชาชนครึ่งนึง และประชาชนจะต้องชำระค่าใช้จ่ายอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือด้วยตนเอง โดยใน 1 วัน เราจะมีข้อจำกัดในการใช้จ่ายได้ก็คือ 300 บาทถ้วนเท่านั้น
ตัวอย่างการใช้สิทธิโครงการ คนละครึ่ง ในการใช้จ่ายเช่น เราซื้อข้าวมันไก่ ราคา 50 บาท 1 จาน เมื่อเวลาที่เราทำการชำระเงิน เราจะชำระเงินจริงที่เป็นของเราจริงๆ เพียงแค่ 25 บาท ส่วนอีก 25 บาทนั้นจะถูกหักจาก 150 บาทที่เป็นการสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่อ 1 วันของรัฐ นั้นเอง ลืมบอกไปว่า การใช้จ่ายในแต่ละครั้งนั้น จะเป็นการใช้จ่ายผ่านการ Scan QR Code เพียงเท่านั้น ไม่มีการใช้จ่ายในรูปแบบเงินสดจ้า
สำหรับเทคนิคในการใช้สิทธิโครงการ “คนละครึ่ง” นั้น เราจะขอแยกออกเป็นกลุ่ม กลุ่ม ร่วมทั้งหมด 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 กลุ่มประชาชนทั่วไป
ในกลุ่มประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” หากคุณเป็นผู้ใช้สิทธิเพียงแค่ต้องการใช้สิทธิ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ให้เราใช้สิทธิของโครงการ “คนละครึ่ง” ไปกับการรับประทานอาหารในแต่ละวันเพียงเท่านั้น เนื่องจากสิทธินี้เป็นสิทธิที่ออกมาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระที่เราต้องจ่ายในแต่ละวันให้ลดน้อยลง การใช้สิทธิวิธีนี้ ไม่เป็นเพียงจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอย่างเห็นได้ชัดแล้ว บาคาร่า ยังช่วยให้เราสามารถให้สิทธิได้ไปจนวันสุดท้ายที่สามารถใช้สิทธิได้อีกด้วย
กลุ่มที่ 2 กลุ่มประชาชนที่มีไอเดีย สร้างรายได้เสริม
และในกลุ่มที่ 2 นี้เป็นกลุ่มที่พ่อค้าแม่ขายหลายๆ คนนั้นต่างก็เฮ กันยกใหญ่ เพราะสิทธิคนละครึ่งนี้ เป็นสิทธิที่ช่วยให้พวกเขาได้ลดต้นทุนในการซื้อของมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหาร หรือผลิตสินค้าขายนั้นเอง ซึ่งจากที่จะต้องทำการซื้อวัตถุดิบราคา 300 บาท พวกเขาก็จะจ่ายเพียง 150 บาท หรือใครที่เป็นพนักงานออฟฟิศ แล้วมีไอเดีย มีความสามารถในการทำขนมขาย หรือมีมุมมองทางธุรกิจที่จะนำมาต่อยอดก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถซื้อวัตถุดิบ หรือสินค้าที่เป็นที่ต้องการในตลาดอยู่เสมอๆ มาขายในราคาที่เท่ากับตลาดด้วยราคาต้นทุนเพียงแค่ครึ่งเดียว
เท่านี้นอกจากจะช่วยในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแล้ว ยังช่วยหาให้พนักงานออฟฟิศ พ่อค้าแม่ขาย ได้รับวัตถุดิบ สินค้า ที่มีต้นทุนถูกลง และได้กำไรที่สูงขึ้นได้อีกด้วย
สำหรับโครงการ “คนละครึ่ง” นั้น สิ่งที่บ่งบอกได้ว่าประสบความสำเร็จนั้นก็คือ จำนวนประชาชนที่ร่วมลงทะเบียนขอรับสิทธิช่วยเหลือโครงการ “คนละครึ่ง” เป็นจำนวนมากนั้นเอง และเรายังได้เห็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านเล็กๆ ที่อยู่รอด และเปิดใหม่เป็นจำนวนมากมาย ร้านค้าเหล่านี้เป็นร้านค้าที่ผันตัวมาจากการเป็นพนักงานประจำที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ทำให้พวกเขาได้ต่อสู้ และหาเลี้ยงชีพต่อไปได้
และอีกหนึ่งความสำเร็จที่สามารถบอกเป็นตัวเลขได้ก็คือ CP เจ้าของห้างสรรพสินค้า แม็คโคร โลตัส ผู้เป็นห้างสรรพสินค้าที่จัดจำหน่าย วัตถุดิบในการทำอาหารที่มีมากมาย และครบวงจรที่สุดในประเทศได้กำไรสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19