หลายคนอาจเข้าใจว่า รถยนต์ไฟฟ้าพึ่งมีมาได้ไม่นาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า ได้มีการถูกคิดค้นขึ้นมานานแล้ว เพียงแค่ยังไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ทั่วไป
รถยนต์ไฟฟ้า ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ โดยที่ แบตเตอรี่จะเก็บกระแสไฟฟ้าไว้และจะจ่ายกระแสไฟฟ้าไปที่มอเตอร์ และมอเตอร์จะเป็นตัวขับเคลื่อนรถยนต์ โดยที่ไม่ต้องใช้น้ำมันและเครื่องยนต์น้ำหนักของมอเตอร์ หนักประมาณ 31.8 กิโลกรัม ให้พลังงานประมาณ 270 กิโลวัตต์ เท่ากับว่า 1 กิโลกรัม ของมอเตอร์ สามารถสร้างพลังงานได้ถึง 8.5 กิโลวัตต์ รถยนต์ไฟฟ้าไม่ต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อน จึงทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิง เกิดการเผาไหม้ทำให้เกิดมลพิษในอากาศ
รถยนต์ทั่วไป ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง มีการจุดระเบิด มีการเผาไหม้ เกิดความร้อนเกิดพลังงานกล และใช้พลังงานกลนั้นชับเคลื่อนกลไกต่างๆ น้ำหนักของเครื่องยนต์ หนักประมาณ 180 กิโลกรัม ให้พลังงานประมาณ 140 กิโลวัตต์ เท่ากับว่า 1 กิโลกรัม ของเครื่องยนต์ สามารถสร้างพลังงานได้ 0.8 กิโลวัตต์ เท่านั้น รถยนต์ไฟฟ้า ไม่มีการเผาไหม้ จึงไม่ทำให้เกิดมลพิษในอากาศ
1.ระยะทาง
- หลายคนกังวลเรื่องระยะทางที่รถไฟฟ้าจะวิ่งได้ไม่มากเท่ารถยนต์ทั่วไป สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามีหลายรุ่นให้เลือก แต่ละรุ่นจะมีกำลัง และระยะทางในการวิ่งได้ไม่เท่ากัน ดังนั้นในเลือกใช้รุ่นที่เหมาะสมต่อการใช้งานของเรา แต่ที่แนะนำคือ ระยะทางที่วิ่งได้ประมาน 500 กิโลเมตร อยู่ในช่วงที่กำลังพอดี
2. จุดให้บริการชาร์จที่มีน้อย
- ก่อนหน้านี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในประเทศไทย จึงทำให้มีจุดให้บริการชาร์จค่อนข้างน้อย แต่ในปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากขึ้น จึงทำให้มีจุดให้บริการชาร์จเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ แต่สำหรับคนที่เดินทางไปต่างจังหวัดอาจจะยังพบเจอปัญหาเรื่องจุดให้บริการชาร์จมีน้อยอยู่ แต่ในอนาคตน่าจะมีจุดให้บริการชาร์จเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
3. กำลังของรถ
- รถยนต์ไฟฟ้าที่มี 1 มอเตอร์ จะขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า จะประหยัดพลังงานและวิ่งได้ไกลกว่า แต่รถที่มี 4 มอเตอร์ จะขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งจะเสถียรกว่า มีกำลังมากกว่า และกินไฟมากกว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่มี 1 มอเตอร์
4.แบตเตอรี่
- แบตเตอรี่มีหลายขนาด ความจุของแบตเตอรี่จะไม่เท่ากัน ซึ่งแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่า จะสามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า และความแรงของกำลังรถก็จะมากกว่า ให้เราเลือกใช้รถรุ่นที่มีแบตเตอรี่เหมาะสมตามการใช้งาน บาคาร่า ของเรา
รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมีด้วยกัน 4 ประเภท
1.รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle, HEV)
- เป็นรถยนต์ที่มีการใช้น้ำมันหรือเครื่องยนต์สันดาปร่วมกับแบตเตอรี่และมอเตอร์ โดยจะทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรถยนต์ และช่วยลดค่าใช้จ่ายหรือลดการใช้น้ำมันลง ระบบไฮบริด จะไม่สามารถชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกได้
2. รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Vehicle, PHEV)
- การทำงานคล้ายกับรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด แต่จะมีแบตเตอรี่และมอเตอร์ใหญ่กว่า สามารถชาร์จไฟฟ้าเข้าจากภายนอกได้ แต่ใช้หัวชาร์จที่เป็น AC ได้เท่านั้น ทำให้ใช้เวลาชาร์จนาน
- รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด สามารถเลือกได้ว่าจะใช้น้ำมันเพียงอย่างเดียว ใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือจะใช้ร่วมกัน แต่ถ้าใช้ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จะสามารถใช้ระยะทางได้จำกัด
3. รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle, BEV)
- เป็นการใช้แบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว จะสามารถชาร์จได้ทั้ง หัว AC และ DC แบบ fast charge จะสามารถชาร์จได้เร็วกว่า
- รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ ไม่มีการปล่อยก๊าซ CO2 ที่เป็นมลพิษทางอากาศ
4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลเชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle, FCEV)
- เป็นการใช้พลังงานจาก ก๊าซไฮโดรเจน เพื่อให้มอเตอร์ ใช้ในการขับเคลื่อน โดยจะต้องเติมพลังงานไฮโดรเจนตามจุดให้บริการเหมือนกับน้ำมัน
ในปี 2022 นี้ มีรถไฟฟ้าหลายคันหลายราคาพร้อมขายแล้ว และยังมีอีกหลายค่ายเตรียมยกขบวนพาเหรดเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ากันเป็นแถวเลยที่เดียว เรามาดูกันดีกว่าว่ามีรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นไหนบ้างที่เปิดตัวในประเทศไทยในปี 2022 นี้
1. MG ZS รถยนต์ EV
- กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ความจุแบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ชาร์จพลังงาน 30%-80% ประมาณ 30 นาที
รุ่น X ราคา 1,023,000 บาท
รุ่น D ราคา 949,000 บาท
2.MG EP
- กำลังสูงสุด 154-174 แรงม้า ความจุแบตเตอรี่ Lithium Iron Phosphate 50.3-61.1 กิโลวัตต์/ชั่วโมง แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ราคา 771,000
3.ORA Good Cat
- รุ่นนี้ไม่ใช้น้ำมัน ชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลา 8-10 ชั่วโมง เดินทางได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร
4.ORA Cherry Cat
- กำลังสูงสุด 203 แรงม้า ความจุแบตเตอรี่ LFP 66 กิโลวัตต์/ชั่วโมง แบตไร้โคบอลต์ 84 กิโลวัตต์/ชั่วโมง แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ราคา 989,000-1,199,000
5.DFSK Seres 5
- กำลังสูงสุด 550 แรงม้า ความจุแบตเตอรี่ 50.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง แรงบิดสูงสุด 820 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบลิเธียมเทอร์นารี ความจุ 35 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ราคา 1,200,000-1,280,000 บาท
6.Toyota bz4x
- เปิดตัวในปี 2022 กำลังสูงสุด 203 แรงม้า ความจุแบตเตอรี่ 71.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง แรงบิดสูงสุด 264 นิวตัน วิ่งได้ไกลสุด 450-500 กิโลเมตร แรงขับเคลื่อนรองรับ Fast Charging กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์
ชาร์จไฟ 0-80% ได้ใน 30 นาที
7.Hyundai Ioniq 5
- แบตเตอรี่มี 2ขนาด 50 กิโลวัตต์/ชั่วโมง และ 72.6 กิโลวัตต์/ชั่วโมง กำลังสูงสุด 301 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 605 นิวตัน วิ่งได้ไกลสุด 480 กิโลเมตร ราคายังไม่บอกในไทย
8.Pocco DD 3 ประตู
- รุ่น L แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 10.3 กิโลวัตต์/ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 128 กิโลเมตร ชาร์จแบต 6-8 ชั่วโมง ราคา 389,000 บาท
- รุ่น K แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 14.5 กิโลวัตต์/ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 178 กิโลเมตร ชาร์จแบต 6-8 ชั่วโมง ราคา 449,000 บาท
9. Pocco MM 5 ประตู
- รุ่น YX แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 9.2 กิโลวัตต์/ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 116 กิโลเมตร
ชาร์จแบต 6-8 ชั่วโมง ราคา 399,000 บาท
-- รุ่น ZX แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 14.0 กิโลวัตต์/ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 170 กิโลเมตร
ชาร์จแบต 6-8 ชั่วโมง ราคา 469,000 บาท
10.Wuling Mini EV
- แบตเตอรี่ 13.9 กิโลวัตต์/ชั่วโมง วิ่งได้ไกลสุด 170 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ราคา 369,000 บาท