ความรู้เกี่ยวเบื้องต้นกับการทำ IF หรือมีชื่อเรียกเต็มๆว่า Intermittent Fasting คือ วิธีการลดน้ำหนักที่ผู้คนให้ความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนี้ สำหรับการทำ IF เพื่อการลดน้ำหนัก โดย IF คือ การควบคุมอาหารการกินเพื่อให้ร่างกายได้รับแคลลอรีที่เพียงพอต่อร่างกาย แต่เป็นการกินที่มีระยะเวลาจำกัดเวลาในการกินในแต่ละวัน โดยการทำมีอยู่หลายวิธี ในการปฎิบัติ แต่จะมีหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมจากผู้คนมากที่สุดคือการทานอาหาร 8 ชั่วโมง และงดอาหาร 16 ชั่วโมง เช่น เราสามารถทานอาหารได้ในช่วงเวลา 6.00-14.00 น. โดยหลังจาก 14.00 น. เป็นช่วงที่เราต้องงดอาหาร ทานได้เพียงแค่น้ำเปล่า
สูตรการทำ IF มีมากมายหลายสูตรให้เลือกปฎิบัติตาม
สูตรที่ 1 Lean Gains
ในสูตรที่ 1 จะเป็นสูตรที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน นั่นคือวิธีการกิน 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมง หรือที่เรียกกันว่า 16/8 ในสูตรแรกนี้ ผู้ที่เลือกกินในช่วงเวลา 8 ชั่วโมงนี้ ไม่ควรรวมมื้อดึกด้วย ควรเลือกเวลากินเป็นเวลาที่ใช้ชีวิตปกติระหว่างวันในช่วง เช้า เที่ยง เย็น มื้อสุดท้ายไม่ควรเกิน 20.00 น.
สูตรที่ 2 Fasting และ Feeding
เป็นการทำที่คล้ายคลึงกับสูตรอื่นๆ นั่นคือการแบ่งเวลากินอาหาร และอดอาหาร แต่ในหนึ่งวันจีทั้งช่วงกินและไม่กิน ซึ่งสามารถใช้ร่วมกันได้ แต่จะแตกต่างจากสูตรที่1 1คือ ผู้ที่ทำในสูตรที่2 สามารถทำได้ในแบบ 16/8 และ 20/4 ในแต่ละวันจะสามารถทำคละได้โดยไม่ต้องฟิตว่าต้องทำตามสูตรไหนมากกว่ากัน
สูตรที่ 3 Eat Stop Eat
สำหรับสูตรนี้ ผู้ที่เลือกทำตามสูตรนี้ค่อนข้างจะต้องใจแข็งและอดทนมากที่สุด เพราะภายในหนึ่งสัปดาห์จะสามารถกินได้เพียง 5 วันต่อสัปดาห์ และอีก 2 จะต้องอดอาหาร โดยสามารถกินได้แค่น้ำเปล่าและกาแฟดำเท่านั้น
ขอบคุณรูปภาพจาก google.com
ประโยชน์ของการทำ IF
แน่นอนว่าการทำ IF หรือ Intermittent Fasting นั้นให้ประโยชน์โดยตรงกับผู้ที่ให้ความสนใจ และปฎิบัติตัวตามวิธีต่างๆในการลดน้ำหนัก มาดูกันเลยว่าประโยชน์ของการทำ IF เป็นอย่างไร และมีข้อดียังไงบ้าง
- ลดการอักเสบภายในร่างกายของจุดซ่อนเร้นมากขึ้น
- มีส่วนช่วยในการชะลอความแก่ ทำให้ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากอนุมูลอิสระ
- อนุมูลอิสระภายในร่างกายลดลง
- ร่างกายมีการตอยสนองต่อสารอินซูลินมากยิ่งขึ้น
- ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน และโรคเบาหวาน รวมถึงโรคหัวใจ
โทษของการทำ IF
- สำหรับการทำ IF นี้ ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ป่วยในโรคกระเพาะ และโรคเบาหวาน เนื่องจากมีโอกาสโดยตรงสำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะ อย่างที่รู้กันดีว่าการทำ IF เป็นการลดน้ำหนักแบบอดอาหารจึงจะทำให้ ส่งผลให้โรคนี้มีปัญหาจึงไม่แนะนำให้ทำ ส่วนโรคเบาหวานจะไม่ส่งผลมากเท่าที่ควร แต่หากมีการอดอาหารนานๆก็จะสามารถส่งผลโดยตรงกับกับโรคเบาหวานในเรื่องของน้ำตาลในร่างกาย
- เป็นการรับประทานอาหารที่ทำไปในทางที่ผิด หรือคิดว่าถูกต้องแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกต้อง จะทำให้มีผลกระทบในเรื่องของฮอร์โมนที่ซ่อมแซมร่างกาย และระบบเผาผลาญมีการเปลี่ยนไป การใช้ชีวิตก็จะมีการเปลี่ยนไป ดังนั้นแล้วผู้ที่ทำ IF ก็จะต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต
- การอดอาหารมากไปมีความเสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร
ขอบคุณรูปภาพจาก google.com
ทำ IF อย่างไรให้ถูกวิธี
- ในช่วงที่กินอาหารได้ ควรกินอาหารให้เพียงพอ และเน้นเป็นอาหารคลีน ไขมันต่ำ โปรตีนสูง และกินผักผลไม้ต่างๆ ให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน รวมถึงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต แต่จะต้องเลือกอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่นข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต
- ไม่ลดอาหารลงมากจนเกินไป จนกลายเป็นว่ามื้อที่ได้ทานอาหารจะได้รับอาหารน้อย และไม่เพียงพอต่อร่างกาย อีกทั้งยังไม่ได้ให้พลังงาน หรือได้รับพลังงานต่ำกว่าที่ควรจะได้รับ
- ออกกำลังกาย ควบคู่กับการทำ IF ด้วย จะส่งผลได้ดี ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที – 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
- กำหนดระยะเวลาการกิน และมื้อที่งดอาหาร ให้เป็นไปตามนาฬิกาชีวิต เช่น หากเลือกสูตรกิน 8 ชั่วโมง งดอาหาร 16 ชั่วโมงไม่ควรเลือกกินมื้อดึก ควรเลือกกินมื้อสุดท้ายก่อน 20.00 น.
ข้อควรรู้ก่อนเริ่ม งดมื้ออาหาร
- การงดอาหารเช้าไม่ได้ทำให้อ้วน การงดอาหารเช้าอาจจะทำให้หิว และเสี่ยงต่อการกินอาหารกลางวันมากจนเกินไป ดังนั้นแล้ว มื้อเช้าจึงเป็นมื้อสำคัญที่ยิ่งทาน ยิ่งได้รับการเผาผลาญระหว่างวันได้เป็นอย่างดี
- การงดมื้ออาหารจะทำให้อยากกินอาหารเพิ่มมากขึ้น การงดอาหารเช้า และการกินอาหารกลางวัน กับอาหารเย็นได้มากกว่าเดิมนั้น ในความเป็นจริงแล้วไม่มีงานวิจัยไหนที่การันตีได้ว่าจะทำให้กินอาหารเพิ่มมากขึ้น ในทางกลับกันเมื่อมีการงดอาหารจะทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายลดลง จึงทำให้การเผาผลาญไขมันได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณบทความคุณภาพจาก สูตรบาคาร่า Allforbet.com